การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อไปให้ถึงปัญญา
ความมีปัญญา คือ ภาวะที่หลุดออกจากความไม่รู้และหลุดออกจากสิ่งครอบงำหรือสิ่งยึดเหนี่ยวทั้งมวลได้ด้วย
การหลุดออกจากสิ่งไม่รู้หรือสิ่งครอบงำ จิตวิญญาณย่อมเป็นอิสระ
อิสระย่อมเป็นสุข
อิสระย่อมเป็นสุข
“การมีความรู้มากไม่ได้ทำให้มีความสุขมากขึ้น ความรู้อาจเป็นได้ทั้งเครื่องมือช่วยคนอื่น หรือ เครื่องมือสำหรับหาประโยชน์จากคนอื่น”
การจัดการศึกษาจำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้อย่างองค์รวมเพื่อพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม ให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และสมดุล ถึงพร้อมด้วยปัญญาภายในและปัญญาภายนอก
ปัญญาภายใน ที่หมายถึง ความเข้าใจต่อตัวเอง ต่อชีวิต ต่อโลกและจักรวาล การอยู่อย่างมีเจตจำนงอย่างมีความหมายทั้งต่อตัวเองและต่อสรรพสิ่ง เป็นทั้งความฉลาดทางจิตวิญญาณ (Spiritual) และความฉลาดทางด้านอารมณ์ (Emotion)
ปัญญาภายนอก ที่หมายถึง ความเข้าใจต่อโลกภายนอกทั้งศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินชีวิตให้อยู่ได้หรืออยู่ได้อย่างมีคุณภาพ
จากเด็กแรกเกิดจนถึงวัยทำงานมีความจำเป็นต้องเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ภายนอกในอัตราเร่ง เพราะเมื่อแรกเกิดความเข้าใจของเรามีค่าเท่ากับศูนย์จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นว่ามันคืออะไร มีองค์ประกอบ มีระบบ หรือมีกลไกอย่างไร เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการงาน แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้นมีประสบการณ์มากขึ้น มีความรู้ที่จำเป็นเพียงพอต่อการดำเนินชีวิตและการงาน เราก็จะรู้ว่าตนเองมีความจำเป็นต่อการขวนขวายหาความรู้ภายนอกน้อยลงเป็นลำดับ แต่กลับจะต้องการความเข้าใจต่อตนเอง ต่อชีวิต ต่อความเป็นมนุษย์ และต่อความหมายของการดำรงอยู่มากขึ้น มากขึ้น ในวัยชราเรายิ่งต้องการปัญญาภายในมากขึ้นอีก (ดังกราฟ)
เกิดมาทำไม
ดำรงอยู่ไปเพื่ออะไร
จะอยู่อย่างมีความหมายและมีความสุขอย่างไร
ไม่ว่าเราจะอยู่อย่างไร ทำงานอะไร ตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน ร่างกายแข็งแรงหรือไม่ ในที่สุดวันหนึ่งเราจะได้เจอคำถามใหญ่ในชีวิตที่ยากต่อการตอบอย่างนี้ ดูเหมือนอาจจะไร้สาระที่จะตั้งคำถามเหล่านี้แต่แท้จริงแล้วจักรวาลได้ซ่อนปริศนาเหล่านี้ไว้ในทุกอณูเซลล์ของมนุษย์เพื่อให้ไม่วันใดก็วันหนึ่งเราจะต้องได้พบคำถามเหล่านี้
การได้เจอคำถามใหญ่ในชีวิตเป็นสิ่งวิเศษ ถึงแม้พวกเราบางคนจะค้นหาคำตอบกันแทบตาย แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้สูญเปล่า คำถามใหญ่จะทำให้เราได้เริ่มต้นการใคร่ครวญครั้งใหญ่ ได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับตนเอง ใคร่ครวญเกี่ยวกับผู้คนและสรรพสิ่ง ซึ่งเป็นกระบวนการภายในที่จะปรับเข็มทิศชีวิตมุ่งไปหาสิ่งจริงแท้ (สัจจะ)
เราจะพบว่าคำถามใหญ่ๆ เหล่านี้ไม่อาจตอบได้จากองค์ความรู้ต่างๆ ที่เราร่ำเรียนมาเพียงอย่างเดียวและมันก็ไม่มีคำตอบแบบตรงๆ หรือคำตอบที่เป็นรูปแบบตายตัว ผู้คนจึงต้องแสวงหาคำตอบด้วยตัวเองซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีลองผิดลองถูก นั่นหมายถึงต้องใช้เวลามาก และมีโอกาสผิดพลาดสูง
จะดีกว่าไหมถ้าจะให้การเรียนรู้เพื่อบ่มเพาะปัญญาภายในให้กับเด็กๆ ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อจะช่วยให้เด็กๆ ได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับตัวเองเร็วขึ้น ได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับชีวิตและสรรพสิ่ง เพื่อจะได้พบคำตอบของคำถามเหล่านั้นได้เร็วขึ้น
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะกรอบความคิดเดิมของการศึกษายังให้ความสำคัญกับความรู้นอก จะเห็นจากหลักสูตรแกนของแต่ละประเทศที่มี 8-9 วิชานั้นมุ่งสร้างความเข้าใจต่อเนื้อหาหรือปัญญาภายนอกเป็นส่วนใหญ่ ทั้งยังมุ่งวัดผลและตีค่าเฉพาะปัญญาภายนอกเท่านั้น
หากเด็กบางคนที่พยายามตั้งใจเรียนวิชาต่างๆ อย่างดีที่สุดตั้งคำถามกับผู้ใหญ่อย่างเราบ้างว่า “ถ้าตั้งใจเรียนให้ดี เรียนจนจบปริญญา จนมีงานที่มั่นคง มีครอบครัว มีบ้าน นั่นจะทำให้ชีวิตมีความสุขใช่หรือไม่
เราคงไม่กล้าตอบอย่างฟันธงได้เลยว่า “ใช่” นั่นเพราะเรารู้ว่าอนาคตมันเป็นเพียงความน่าจะเป็นเท่านั้นและสิ่งที่กล่าวถามข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนผสมอย่างละเล็กอย่างละน้อยไม่ใช่ปัจจัยที่มีน้ำหนักมาก ความเข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหรือปัญญาภายในนั้นสำคัญ กว่าสิ่งที่เกิดขึ้น
แน่นอนล่ะว่าวันหนึ่งๆ จะมีสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเรามากมาย เราต้องผ่านความทุกข์หรือความสบายใจต้องสูญเสียหรือได้รับ ต้องมีพลาดหวังหรือสมหวัง มีการเจ็บป่วยหรือแข็งแรง ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ อยู่แล้ว เราจะต้องทำอย่างไรหรือจะต้องเป็นอย่างไรจึงจะปกติสุข ความเป็นปกติสุขไม่ได้หมายความว่าจะต้องจัดการไม่ให้เหตุการณ์ข้างต้นเกิดขึ้น แต่หมายถึงการไปให้ถึงความเข้าใจต่อแก่นแท้
เป้าหมายระดับสูงของการศึกษา
คือ การดำเนินชีวิตที่มีความหมายและมีความปกติสุข ซึ่งประกอบด้วยความยินดีหรือความพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรวมทั้งการเห็นคุณค่าในสิ่งต่างๆ และการมีเป้าหมายที่ดีงาม
จิตศึกษา เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาปัญญาภายใน เพื่อการเข้าถึงความเข้าใจต่อแก่นแท้
หน่วยบูรณาการที่เป็นแบบ Active Learning อย่าง PBL (Problem Based Learning) เป็นนวัตกรรมพัฒนาปัญญาภายนอกเพื่อความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ จนเข้าถึงความเข้าใจต่อแก่นแท้
โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา เป็นโรงเรียนการกุศลเรียนฟรีมีเป้าหมายเพื่อเป็นโรงเรียนตัวอย่างด้วยการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนและนวัตกรรมองค์กร ดังนี้
1. นวัตกรรมสำหรับการเรียนการสอนเพื่อมุ่งให้ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขในศตวรรษที่21 และจากการที่ทดลองและพัฒนามากว่า 10 ปี จึงได้นวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนที่สำคัญสองนวัตกรรมคือ
1) “จิตศึกษา” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะทำให้ผู้เรียนไปถึงปัญญาภายใน ได้แก่ การมีจิตใหญ่เพื่อรักได้อย่างมหาศาล การเคารพคุณค่าตัวเองและคนอื่น เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างภราดรภาพการมีสติชำนาญเพื่อเท่าทันอารมณ์ การมีสมาธิเพื่อกำกับความเพียรให้สำเร็จ การมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่น เป็นต้น
2) “หน่วยบูรณาการที่ใช้ปัญหาเป็นฐานการเรียนรู้หรือ PBL (Problem Based Learning)” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เป็น Active Learning ที่จะทำให้ผู้เรียนไปถึงปัญญาภายนอกได้ อาทิ เช่น Reading comprehension, Writing, Arithmetic ICT skills, Thinkingskills, Life & Career skills, Collaboration skill and Core subject
2. พัฒนานวัตกรรมสำหรับองค์กรเพื่อมุ่งการพัฒนาครูและ พัฒนาองค์กรที่เรียกว่า “ชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ” (PLC ProfessionalLearning Community) ซึ่งมีองค์ประกอบสองส่วนที่สำคัญคือการสร้างความเป็นชุมชนให้เกิดขึ้นในองค์กร และการจัดให้มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างหลากหลายระหว่างกัน เป้าหมายสำคัญของ PLC คือ การสร้างการเรียนรู้ของครูร่วมกันเพื่อให้ทุกคนได้ยกระดับความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่จะสอน มีทักษะการจัดการเรียนการสอนและมีจิตวิญญาณของความเป็นครู
การใช้พลังเพื่อทำงานหรือเพื่อเปลี่ยนสภาวการณ์ที่ดำรงอยู่ให้ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยปัญญาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจ การเรียน แพทย์ การทำโต๊ะ การเล่นกีฬา การทำอาหาร ต้องทำอย่างเอาการเอางาน (Active) จึงสำเร็จ การใช้พลังเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่มุ่งไปยังเป้าหมายภายนอก ซึ่งอาจมีแรงจูงใจมาจากความปรารถนาที่จะดำรงอยู่ให้ได้ หรืออาจมีแรงผลักดันหรือแรงจูงใจมาจากความเหงา ความโดดเดี่ยวที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดหรือด้วยแรงของความอยาก เช่น ความทะเยอทะยานในตำแหน่ง ความโลภในเงิน หากจะพิจารณาให้ดีแล้วกิจกรรมเหล่านี้อาจดูเหมือนว่าเขาเป็นผู้กระทำแต่แท้จริงเขาเป็น “ผู้ถูกกระทำ”
การใช้พลังเพื่อการแสวงหาความเข้าใจแห่งตน หรือความหมายของการดำรงอยู่ อาจดูเหมือนเขาเหล่านั้นไม่ทำอะไรเลยทั้งเฉื่อยชา (Passive) แต่ความจริงการรวมศูนย์สมาธิ การใคร่ครวญ เป็นกิจกรรมขั้นสูง เป็นกิจกรรมทางจิตวิญญาณ ซึ่งจะเป็นไปได้จริงๆต้องให้ด้านในมีอิสระภาพ อันจะส่งผลต่อการก่อเกิดปัญญาภายใน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น